watchworldcup.org

WATCHWORLDCUP.ORG
เชลซี vs ท็อตแน่ม : 4-1

พรีเมียร์ลีก : เชลซี vs ท็อตแน่ม : 4-1

เกมเริ่มเพียง 6 นาทีเจ้าถิ่นก็รีบทำประตูขึ้นนำ เดยัน คูลูเซฟสกี้ เลี้ยงบอลและตัดบอลเข้าไปด้านใน ก่อนเหนี่ยวไกด้วยซ้าย บอลเด้งออกจากหลัง ลีวาย โคลวิลล์ เปลี่ยนทางเข้าประตูให้สเปอร์สขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 11 ทีมเยือนพลาดประตูตีเสมอ นิโคลัส แจ็กสัน ล็อคอินและหลอกแนวรับเจ้าบ้าน ก่อนทำประตูในเขตโทษ แต่ กูเจลโม วิคาริโอ ล้มลงมาสกัดบอลได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีเป้าหมาย!! แต่นาทีที่ 13 โกลเด้น สเปอร์ส เกือบได้ประตูที่สอง เปโดร ปอร์โร จ่ายบอลเข้ากลางให้ ซอน เฮือง มิน ยิงบอลเข้าตาข่ายได้อย่างหมดจดสวยงาม แต่ VAR ชี้ว่า ซน ล้ำหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีเป้าหมาย!! นาทีที่ 21 สิงห์บลูส์พลาดประตูตีเสมอเช่นกัน รีซ เจมส์ เด้งบอลไปข้างหน้าให้ ราฮีม สเตอร์ลิง เลี้ยงบอลเข้าเขตโทษ ก่อนยิงเข้าประตู แต่ VAR เห็นว่าบอลโดนแขนสเตอร์ลิงก่อน ไม่มีเป้าหมาย!! นาทีที่ 27-34 มีจังหวะที่ซับซ้อนเกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่จังหวะแย่งบอลในเขตโทษของสเปอร์สแล้วบอลเข้าทางมอยเซส ไกเซโด้ที่ยิงจากนอกเขตโทษ บอลชนเสาเข้าหลังตาข่ายอย่างสวยงาม แต่ VAR ชี้ว่า นิโคลัส แจ็คสัน ล้ำหน้า และมีส่วนขัดขวางการมองเห็นบอลของผู้รักษาประตู ทำให้ เชลซี โดนใบแดงไม่ได้!! แต่แล้ว VAR ก็เปลี่ยนเช็คว่ามีฟาวล์ในเขตโทษช่วงที่แล้วหรือไม่ จนกระทั่งกรรมการไปดูหน้าจอ แล้วพิจารณาจังหวะเข้าปะทะอันอันตรายของคริสเตียน โรเมโร แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนแรกที่เข้าถึงบอลแต่เท้าของเขาเปิดกระดุมไปโดนเอ็นโซ เฟอร์นานเดซ ทำให้โรเมโรโดนใบแดงไล่ออกและให้จุดโทษ ประตูสิงห์บลู!! และแล้วเป็นโคล พาลเมอร์ ที่ทำประตูช่วยให้เชลซีตีเสมอเกมได้สำเร็จในนาทีที่ 35 ทำให้สกอร์กลับมาเท่าเดิมที่ 1-1 นาทีต่อมา ราฮีม สเตอร์ลิง ตัดบอลให้นิโก้ ลูส แจ็คสัน ยิงเข้าไปใกล้ตาข่าย แต่ไลน์แมนแจ้งว่าสเตอร์ลิงล้ำหน้า จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ใบแดง!! จากนั้นในนาทีที่ 55 ของครึ่งหลัง สถานการณ์ของสเปอร์สก็แย่ลงไปอีก เมื่อเหลือผู้เล่นเพียง 9 คนเท่านั้น หลังจากที่ เดสทินี อูโดกิ ทำฟาวล์ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำให้เขาได้รับใบเหลืองใบที่สอง กลายเป็นใบแดงในนาทีที่ 56 นิโคลัส แจ็คสัน ยิงระยะเผาขน แต่ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ใช้เข่าตีบอลจากหน้าประตู จนมันลอยข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ เป้าหมาย!! อย่างไรก็ตามหลังจากบุกมาเป็นเวลานานในที่สุดเชลซีก็ทำประตูได้ในนาทีที่ 75 แซงขึ้นนำจนราฮีม สเตอร์ลิงออกมาทางกราบขวา ก่อนจ่ายบอลเข้ากลางให้ นิโคลัส แจ็คสัน จ่ายบอลเข้าประตูแบบสบายๆ ช่วยให้เดอะบลูส์ขึ้นนำ 2-1 ไม่มีประตู!! นาทีที่ 78 สเปอร์ส พลาดประตูตีเสมอ จากจังหวะเปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษ โรดริโก เบนตันคูร์โหม่งบอลเป็นเอริค ดายเออร์ที่จ่ายบอลเข้าตาข่าย แต่ VAR ระบุว่าดายเออร์ล้ำหน้าก่อน เป้าหมาย!! จนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+4 นาที ทีมเยือนทำประตูขึ้นนำ ซึ่งเท่ากับประตูที่ 2 แต่คราวนี้เป็น คอเนอร์ กาลาเกอร์ ที่ออกมาทางฝั่งขวา ก่อนจ่ายบอลเข้ากลางให้ นิโคลัส แจ็คสัน จ่ายบอลเข้าประตูช่วยให้สิงโตน้ำเงินครามขึ้นนำ 3-1 ประตู!! จากนั้นนาที 90+7 นิโคลัส แจ็คสัน หลุดออกจากกลางสนามก่อนหยอกล้อ กูเจลโม วิคาริโอ แล้วจ่ายบอลให้เปิดกว้าง เข้าไปตุงตาข่ายทำให้เชลซีหนีเป็น 4-1 หมดเวลาการแข่งขันเป็นเชลซีที่แซงท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ด้วยสกอร์ 4-1 เก็บ 3 แต้มเพิ่มสกอร์เป็น 4-1 15 แต้มจาก 11 นัด ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 10 ของตาราง ขณะที่ โกลเด้น สเปอร์ส ยังมี 26 แต้ม รั้งอันดับ 2 ตามหลังสิงห์บลูส์ 1 แต้ม

รายชื่อ 11 นักเตะตัวจริงในสนาม

สเปอร์ส : กิเยร์โม่ วิคาริโอ (จีเค), เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, มิกกี้ ฟาน เดอร์ เวน, เดสตินี อูโดกี้, ปัปป์ ซาร์, อีฟ บิสซู มา, เดยัน คูลูเซฟสกี้, เจมส์ แมดดิสัน, ซอน ฮึง-มิน, เบรนแนน จอห์นสัน

เชลซี : โรเบิร์ต ซานเชซ (จีเค), รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, อักเซล ดิซาซี, เลวี โคลวิลล์, เอ็นโซ เฟอร์นันเดซ, มอยส์ ไกเซโด, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, โคล พาลเมอร์, ราฮีม สเตอร์ลิง, นิโคลัส แจ็คสัน

ตรวจสอบสำหรั: www.watchworldcup.org/th/พรีเมียร์ลีก-นิวคาสเซิ/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *