watchworldcup.org

WATCHWORLDCUP.ORG
watchworldcup

Star World Cup 2022 เนย์มาร์ หวังปลดล็อกแชมป์แรก ด้วยแชมป์โลก

ดาวเด่น ฟุตบอลโลก 2022 “เนย์มาร์” ดาวยิงทีมชาติบราซิล ซึ่งยังไม่เคยคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ใดๆ กับทีมชาติเลยตลอดการรับใช้ทัพแซมบ้ามานานนับทศวรรษ และเขาหวังว่าจะสามารถปลดล็อกแชมป์เมเจอร์แรก ด้วยโทรฟี่ “แชมป์โลก” ในศึกเวิลด์คัพ 2022 ที่กาตาร์ ให้ได้ ทัพ “แซมบ้า” ทีมชาติบราซิล ถูกยกให้เป็นทีมเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ และนักเตะที่แฟนบอลแซมบ้าฝากความหวังไว้มากที่สุด คงหนีไม่พ้น…เนย์มาร์

เนย์มาร์ ติดทีมชาติชุดใหญ่ของบราซิลครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 18 ปี และมีสถานะเป็น “ซูเปอร์สตาร์” ของทัพแซมบ้ามาตลอดจนถึงปัจจุบันในวัย 30 ปี พร้อมกับลงรับใช้บราซิลไปแล้วมากกว่า 120 นัด  แต่เชื่อหรือไม่ว่า สุดยอดดาวยิงจากปารีส แซงต์ แชร์กแมงรายนี้ ยังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ระดับเมเจอร์กับทีมชาติบราซิลชุดใหญ่เลยสักครั้ง รายการเดียวที่ เนย์มาร์ เคยได้ฉลองแชมป์ภายใต้ยูนิฟอร์มแซมบ้าคือ แชมป์ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 แต่นั่นก็ไม่ใช่ทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์แต่อย่างใด โดยโอกาสที่ใกล้เคียงแชมป์รายการใหญ่มากที่สุด คือ ตำแหน่ง “รองแชมป์” ศึกโกปา อเมริกา 2021 ส่วนผลงานในสังเวียนฟุตบอลโลก เนย์มาร์ ผ่านเวทีเวิลด์คัพมาแล้ว 2 ครั้ง โดยคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล จากนั้นจอดป้ายเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดยทั้งสองครั้งดังกล่าว เนย์มาร์ ทำผลงานลงสนามไปทั้งสิ้น 10 นัด ซัดไป 6 ประตู สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ครั้งนี้ เนย์มาร์ ยอมรับว่าอาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา และเขาพร้อมทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อตำแหน่ง “แชมป์โลก” ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดที่นักฟุตบอลทุกคนต้องการได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต

ประวัติของ เนย์มาร์

เนย์มาร์เริ่มมีชื่อเสียงกับสโมสรซังตุสในบราซิล ซึ่งเขาเซ็นสัญญากับทีมเมื่ออายุ 17 ปี ก่อนจะช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์คัมเปโอนาโตเปาลิสตา 2 สมัยติดต่อกัน เนย์มาร์ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของอเมริกาใต้ถึงสองครั้งในปี 2011 และ 2012 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนา ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสามประสานตัวหลักของทีมร่วมกับ ลิโอเนล เมสซิ และลุยส์ ซัวเรส[5] เนย์มาร์คว้าแชมป์ลาลิกา, โกปาเดลเรย์ และ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ในฤดูกาล 2014–15 และได้อันดับสามในการประกาศรางวัลบาลงดอร์ปี 2015 และคว้าแชมป์ลาลิกาได้อีกครั้งในปี 2016 ก่อนจะย้ายไปปารีแซ็ง-แฌร์แม็งในปี 2017 ด้วยมูลค่า 222 ล้านยูโร ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเนย์มาร์คว้าแชมป์ลีกเอิง 3 สมัย, กุปเดอฟร็องส์ 3 สมัย และ กุปเดอลาลีก 2 สมัย และได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของลีกเอิงในฤดูกาลแรกของเขา และในฤดูกาล 2020–21 เนย์มาร์พาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 4 รายการ รวมทั้งผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *